BNK48 GIRL DON'T CRY น้ำตาของคนเรามันมีหลายความหมายแฝงอยู่



บทความนี้ จะเป็นการสปอยหนังอย่างรุนแรง ใครยังไม่อยากรู้รายละเอียดในหนัง ไม่ควรเลื่อนลงไปอ่านเด็ดขาด

เตือนแล้วนะ!!

BNK48 GIRL DON'T CRY คืออะไร?

มันคือหนังสารคดีที่เล่าและเดินเรื่องโดยเหล่าเมมเบอร์ของ BNK48

มันคือหนังสารคดีที่ทำให้เรารับรู้ความรู้สึกต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของเมมเบอร์แต่ละคน ในแต่ละช่วงเวลา

มันคือหนังที่ทำจากการการสัมภาษณ์เมมเบอร์แต่ละคน คนละ 2 - 3 ชั่วโมง รวมๆทั้งวงก็ประมาณ 60 ชั่วโมง  แล้วตัดต่อให้เหลือ 110 นาที

มันคือแหล่งรวมข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม!!

มันคือแหล่งรวมความรู้สึก ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณก็ต้องมีประสบการณ์หรือความรู้สึกเหมือนเหล่าเมมเบอร์ ไม่คนใดก็คนหนึ่ง

ตัวหนังจะเริ่มต้นด้วยการปูอย่างสั้นๆว่า BNK48 คืออะไร ระบบโดยคร่าวๆเป็นอย่างไรเพื่อให้คนที่ไม่เคยรู้เรื่องระบบของ 48 Group มีความรู้ในสมองมากขึ้น เพื่อให้อินได้กับเรื่องที่จะเล่าต่อๆไป

ลำดับต่อไปก็จะไล่ไปตาม Time line ตั้งแต่ การประกาศ Senbutsu ของ Single แรกที่ชื่อว่า Aitakatta (อยากจะได้พบเธอ)

ตรงนี้เมมเบอร์หลายๆคนให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า วงยังไม่ค่อยได้รับความนิยม ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไหนก็มีคนดูน้อย สถานที่แสดงก็จะเล็กๆ เหมือนคอนเสิร์ตวงอินดี้ อรถึงขนาดบอกว่ามีเมมเบอร์หลายคน อาจจะประกาศจบการศึกษาถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่  ก่อนที่ไข่มุกจะตบท้ายว่า บริษัทเกือบจะเจ๊งไปแล้วนะ เพราะมีการลด Cost การแต่งหน้า และอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เมมเบอร์รู้สึกได้ว่า บริษัทกำลังมีปัญหาทางการเงิน!

พอมาถึง Single ที่สอง Koisuru Fortune Cookie คุกกี้เสี่ยงทาย วงกลับดังเป็นพลุแตก ทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมเข้ามา แล้วหนังก็ได้ใส่ฟุตเทจตอนโมบายล์ทรุดตัวร้องไห้หลังจากที่จ็อบซังประกาศว่า โมบายล์ได้เป็น Center

ช็อตนี้ผมยกให้เป็นช็อตประวัติศาสตร์ของ BNK48 อย่างแท้จริง ตอนนั้นใครจะรู้ว่าเพลงคุกกี้เสี่ยงทายที่ประกาศต่อหน้าคนไม่กี่คนในวันนั้น จะดังสุดๆไปทั่วประเทศ มีคนเต้นตามทั้งบ้านทั้งเมือง  และที่สำคัญการประกาศในวันนั้น เปลี่ยนชีวิตเด็กผู้หญิงที่ชื่อโมบายล์ไปตลอดกาล

จากเด็กที่ถูกเรียกว่า Under Girl (ไม่เคยติด Senbutsu) ที่ไม่มีใครสนใจ กลับกลายมาเป็น Center ในเพลงที่ดังที่สุดของ BNK48 และหลังจากนั้นเธอก็ติดเซ็มบัตซึเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เสริมให้นิดนึงว่า ในตอนนั้นมีข้อกังขามากมายที่บริษัทเลือกให้โมบายล์เป็น Center แต่ปัจจุบันก็น่าจะเห็นกันแล้วว่าบริษัทเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

สเต็ปต่อมา หนังจะเริ่มเล่นเรื่อง "ชนชั้น" และความสัมพันธ์ของแต่ละเมมเบอร์ในวง ตรงนี้ผมคิดว่าหนังจะมอบหมายให้เฌอปรางแทนคนในชนชั้นสูง(ตัวท็อปของวง)  ปูเป้ แทนคนชนชั้นกลางในวง (มีความนิยมระดับกลางๆ) และสาวๆ Under girl เช่น เปี่ยม จิ๊ป น้ำใส นิ้ง แทนคนชนชั้นล่าง (คนที่มีความนิยมน้อย)

หนังจะตัดสลับไปมาการสัมภาษณ์คนแต่ละชนชั้นโดยไล่เป็นประเด็น ประมาณนี้

- ความสัมพันธ์ของเม็มเบอร์เป็นอย่างไร

คำตอบของเม็มเบอร์ส่วนใหญ่จะบอกว่าสนิทกันเป็นเพื่อนกัน สนิทมากๆกว่าเพื่อนที่มหาลัยซะอีก!

แต่เฌอปรางตอบว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับเหล่าเม็มเบอร์เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน หรือพี่น้อง ไม่มีความลึกซึ้งอื่นใด

แน่นอนว่าคำตอบนี้อาจดูแข็งๆ ไร้หัวใจ แต่หนังยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร!!

- ความแตกต่างระหว่างชนชั้น

เปี่ยมเล่าให้ฟังว่า เคยไปเต้นเพลงคุกกี้เสี่ยงทายที่โรงเรียน เพื่อนก็มาบอกว่าให้ไปสมัครรุ่น 2 ดิ ติดแน่นอนเพราะท่าเต้นเป๊ะมาก

ตรงนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่า ความแตกต่างระหว่าง คนที่เป็นที่นิยม กับคนที่ความนิยมน้อยเป็นอย่างไร

ประกอบกับที่จิ๊บบอกว่า "เบื่อพี่เฌอ" ไม่ได้เบื่อที่ตัวเฌอนะ แต่เบื่อที่อะไรๆก็เฌอปรางไปหมด แม้แต่เกมที่จิ๊บเล่นก็มีคนทำตัวละครหน้าเฌอปราง จิ๊บเลยเลิกเล่นเกมนั้นไปหลายเดือน

- ความพยายาม ไม่เคยทำร้ายซักคนที่ตั้งใจ (จริงๆเหรอ)

ใครจะรู้ว่าเวลาที่เซ็มบัตซึซ้อมเต้นบนเวที จิ๊บจะเต้นตามอยู่ที่ข้างเวลาทีเสมอ ในหนังจะถ่ายจิ๊บที่่เต้นได้เป๊ะอยู่ข้างๆเวทีอยู่คนเดียว ขณะที่พวกเซ็มบัตซึเต้นกันบนเวที

เอาจริงๆนะ ภาพนี้สะเทือนใจพอสมควรเลย เด็กคนนึงมีความพยายามมากๆโดยที่ไม่มีใครรู้เลย ซึ่งภาพนี้สอดคล้องกับคำพูดของอรที่ว่า "การไม่เป็นที่รู้จัก มันน่ากลัว"

ตรงนี้หนังจะเล่นประเด็น จิ๊บกับเฌอปราง ค่อนข้างมาก เป็นความขัดแย้งระหว่าง ชนชั้นสูง กับชนชั้นล่าง เรียกได้ว่า ตัดต่อมาประทะกันแบบ หมัดต่อหมัดเลย

เช่น

จิ๊บบอกว่า "ไอ้ที่ว่าพยายามน่ะ มันต้องพยายามแค่ไหนถึงจะพอ"

หนังตัดมาที่เฌอปรางบอกว่า "ตอนเด็กๆ เคยขี่จักรยานล้ม ร้องไห้เท่าไหร่ก็ไม่มีใครสนใจ เลยต้องหยุดร้องไห้ แล้วเข็นจักรยานพร้อมรอยแผลกับบ้านเอง"

ถึงตรงนี้เริ่มหมันไส้เฌอปรางมากขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ 555

แต่พอมาถึงตรงนี้....

จิ๊บบอกว่า "คนข้างบนน่ะ ไม่เข้าใจ คนข้างล่างหรอกนะว่าเป็นยังไง"

ตัดมาที่เฌอปราง "คนข้างล่างก็ไม่เข้าใจคนที่อยู่ข้างบนเหมือนกันนะ"

หนังจะแช่กล้องไว้ที่เฌอปรางหลังจากที่เธอพูดจบประโยค แล้วเฌอก็นิ่งไปสักพัก... จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาแบบไม่มีคำพูด

ถึงตรงนี้ จากอารมณ์คนที่เริ่มหมันไส้เฌอปราง จะกลับมาสงสารเธอทันที ให้ตายสิ!!

เฌอพูดทั้งน้ำตาว่า เธอเหนื่อยมาก งานเยอะไม่ได้พักเลย แต่เธอก็ได้เงินเดือนเท่าคนอื่นนะ!!

เฌอก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็แค่ได้โอกาสมา แล้วก็ทำมันให้ดีที่สุดก็แค่นั้นเอง

ให้ตายสิ นี่มันหนังอะไรวะ!! (อันนี้อุทานในใจนะครับ 555)

หลังจากหดหู่มาได้พักใหญ่ พี่เต๋อของเราก็ตบท้ายด้วยคำถามว่า "อะไรคือความสุขในการเป็น BNK48"

คำตอบหลักๆ คือ เจนบอกว่า งานจับมือ เป็นงานที่เธอมีความสุขมากๆ เพราะได้เจอแฟนๆ ได้กำลังใจจากแฟนๆ

หนังก็จะเริ่มส่งท้ายเข้าฟุตเทจต่างๆนาๆในงานจับมือ และงานแสดงคนเสิร์ตต่างๆ จนมาจบด้วยภาพการซ้อมของเม็มเบอร์ทุกคนในโรงยิมที่มืดๆ และมีแสงสปอตไลท์ฉายมาที่ทุกๆคน และขึ้น End credit โดยมีฟุตเทจตอนวันออดิชั่นของแต่ละคนเป็น Background

ส่วนหลัง End Credit นั้น.....

มีฟ้อนด์(BNK รุ่น 2) มานั่งตรงเก้าอี้ที่ให้สัมภาษณ์และแนะนำตัวว่าเป็น BNK48 รุ่นที่ 2 ..... จบ!!


เอาล่ะจบแล้วนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้

ขอลาไปด้วยประโยคเด็ดของ อิซึตะ รินะ เมื่อถูกถามว่าการเรียนภาษาไทยเป็นปัญหาของเธอหรือไม่ เธอตอบว่า

"ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้ได้เท่านั้น"

นี่แหละคือคำตอบของเจ้าแม่ 48 Group อย่างแท้จริง

Welcome To Dark Side !!!






ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม